คลังบทความของบล็อก/Articles

19/2/63

[รีวิว] SoS Hyaluron X3 Concentrate Serum (เซรั่มไฮยา) /เอะสึ โอ เอะสึ ไฮยาลูรอน เอ๊กซ์ 3 คอนเซ็นเทรท เซรั่ม

สวัสดีค่ะทุกคน คิดถึงท่านผู้อ่านทุกคนนะคร้า หลังจากห่างหายจากบล๊อกไปนาน เนื่องจากยังไม่พบskincareตัวไหนที่แมทซ์กับผิวของเราจริงๆ และบางครั้ง ถึงแม้ว่าจะเจอแล้ว แต่เราก็ต้องลองใช้3-6 เดือนขึ้นไป ถึงจะมารีวิวค่ะ นี่ก็เป็นสาเหตุว่า ทำไมเข้ามารีวิวแล้วหายไป กว่าจะกลับมารีวิวอีกครั้ง ก็อีกหลายเดือนเลย...

วันนี้เราจะขอมารีวิว SoS Hyaluron X3 Concentrate Serum ค่ะ เราไม่ได้มีความสนใจอะไรในไฮยาเลย แต่เพื่อนแนะนำให้ลองใช้ค่ะ เพื่อนบอกว่าใช้แล้วผิวหน้าดีขึ้น เพื่อนแนะนำอีกยี่ห้อนะคะ ยี่ห้อที่เพื่อนแนะนำหาซื้อยากหน่อยสำหรับเรา เราเลยเลือกซื้อSoSมาลองใช้แทน เพราะว่าหาซื้อได้ง่ายกว่ายี่ห้อที่เพื่อนแนะนำมาค่ะ กะว่า จะซื้อมาลองใช้เล่นๆเฉยๆ ไม่ได้หวังผลลัพธ์อะไรเลยค่ะ ตอนก่อนซื้อยังลังเลอยู่เลยว่าจะซื้อดีมั้ย ครีมก็มีเยอะมากเเล้ว กลัวว่าถ้าไม่ดี ก็จะเสียเงินไปเปล่าๆ  ทั้งที่ๆ ราคาของไฮยาตัวนี้ก็ไม่ได้แพงอะไรเลยค่ะ แฮ่ 



SoS Hyaluron X3 Concentrate Serum (ซีรั่มไฮยา)

ไปดูคุณสมบัติของ SoS Hyaluron X3 Concentrate Serum กันเลยดีกว่า ส่วนข้อความที่เป็นตัวหนา
จะเป็นประสบการณ์จากการใช้จริงของเรานะคะ : 

เติมน้ำให้ผิว...ฉ่ำว้าว ด้วยเซรั่มไฮยาลูรอนเข้มข้นบริสุทธิ์ ที่ผสานพลัง 3 โมเลกุล เพิ่มประสิทธิภาพกักเก็บและเติมความชุ่มชื้นผิวอย่างล้ำลึก >>> ตัวนี้เติมน้ำและกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวจริงๆค่ะ เพื่อนๆที่เคยอ่านบล๊อกเรา จะรู้ว่า เราเป็นคนที่รูขุมขนกว้างมากและผิวหน้ามันมาก แต่หลังจากที่ใช้ไฮยา ผิวหน้าเรามันน้อยลงมากจริงๆค่ะ คอนเฟิร์ม! จากคนที่เคยใช้ซับมันวันละประมาณ10แผ่น ทั้งที่ๆทำงานในห้องแอร์ ตอนนี้ใช้ประมาณแค่3-4แผ่นต่อวันค่ะ การที่หน้ามันน้อยลง รูขุมขนเลยเล็กลงกว่าเดิมด้วยค่ะ เล็กกว่าเดิมนะคะ แต่รูขุมขนไม่ได้หายไปนะคะ ห่ะๆ
ส่วนเรื่องความฉ่ำวาว สำหรับเรา หลังจากทาเสร็จ หน้าไม่ได้มีความฉ่ำวาวเลยค่ะ   แต่หน้าจะฉ่ำวาวๆนิดๆ หลังจากที่ทาไฮยาเสร็จ แล้วตบแป้งตามลงไป หน้าจะดูวาวขึ้นมานิดนึงค่ะ 


เพื่อให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์ ไม่ทิ้งคราบมันบนใบหน้า >>> ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์  อันนี้ เรายังไม่เห็นผลค่ะ  ส่วนเรื่องไม่ทิ้งคราบมันบนใบหน้า อันนี้ใช่เลยค่ะ หลังจากที่ทาไฮยาแล้ว ไฮยาจะซึมลงไปที่ผิวเลย ไม่ทิ้งคราบมันเลยค่ะ 

ไม่มีส่วนผสมของแอกอฮอล์ ซิลิโคน และน้ำหอม ไม่ก่อให้เกิ
ดอาการระคายเคือง อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย >>> เราใช้แล้วไม่แพ้เลยค่ะ
ไฮยาลูรอน 3 ชนิด (X3) ที่มีโมเลกุลแตกต่างกันของSoSนั้น มีอะไรบ้าง : 

1.Hyaluron -ทำหน้าที่เคลือบและปกป้องผิวผิวจากการสูญเสียน้ำ รักษาสมดุลของน้ำในผิว คงความความชุ่มชื้น พร้อมบำรุงและปกป้องผิวจากมล   ภาวะในชีวิตประจำวัน

2.Super Hyaluron - ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน เติมเต็มและคงความชุ่มชื้นได้ล้ำลึกและยาวนานกว่า Hyaluron


3.Nano Hyaluron - มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด สามารถซึมลึกได้ถึงชั้นในสุด* ให้ผิวอ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น แก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างล้ำลึก 



วิธีการใช้ตามที่ผลิตภัณฑ์แจ้งมา ส่วนข้อความที่เป็นตัวหนาจะเป็นวิธีการใช้ในแบบของเราค่ะ :
- ใช้1-2หยด >>> เราใช้แค่ 1-2 หยด เราจะไม่ค่อยทาทั่วหน้า แต่จะชอบทาตรงT-Zone และแก้มข้างจมูก หลังจากนั้นก็จะทาครีมบำรุงตัวอื่นๆตาม สำหรับวัยขึ้นเลข3อย่างเราแล้ว จะทาแค่ไฮยาอย่างเดียวไม่ได้นะคะเพื่อนๆ เราสัมผัสได้ว่ามันยังไม่เพียงพอค่ะ  
- ใช้เดี่ยวๆเป็นเอสเซ้นส์โลชั่น >>> ส่วนใหญ่เรามักจะใช้เดี่ยวๆค่ะ 
- ใช้เป็นเซรั่มก่อนการบำรุง >>> หลังจากเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ เราก็จะใช้ไฮยาตัวนี้ทาผิวหน้า ก่อนลงครีมบำรุงตัวอื่นๆค่ะ
- ใช้ผสมครีมทาหน้า >>> เราจะใช้ไฮยาผสมครีมทาหน้า(บางตัว)ที่มีความเข้มข้นสูง หรือครีมทาหน้าที่เนื้อครีมมีความหนืดค่ะ
- เพิ่มความชุ่มชื้นริมฝีปากและรอบดวงตา >>> เราใช้ไฮยาทาใต้ตาและริมฝีปากด้วยค่ะ  แต่ยังรู้สึกว่า ยังให้ความชุ่มชื่นได้ไม่มากเท่าไรค่ะ 
- ใช้ทาผิวหรือผสมครีมทาผิว >>> อันนี้ยังไม่เคยทำค่ะ เพราะกลัวเปลืองค่ะ
- บำรุงหนังศรีษะและเส้นผม >>> อันนี้ยังไม่เคยทำค่ะ เพราะกลัวเปลืองค่ะ
- ผสมรองพื้นเพื่อเพิ่มความฉ่ำวาว >>> อันนี้ยังไม่เคยทำค่ะ เพราะแทบไม่ได้ใช้รองพื้นเลยค่ะ  

ขอสรุปจากความเห็นส่วนตัวนะคร้า  สำหรับเรา คุณสมบัติเด่นของไฮยา คือ ช่วยคงความชุ่มชื่นและรักษาสมดุลของน้ำในผิวได้เป็นอย่างดี ที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือทำให้ผิวเรามีความมันน้อยลงจริงๆค่ะ แต่การที่ไฮยาช่วยคงความชุ่มชื่นนั้น ไม่ได้หมายความว่า เราจะใช้แค่ไฮยาอย่างเดียว โดยไม่ใช้ครีมบำรุงตัวอื่นๆเลยนะคะ ด้วยวัยที่ขึ้นเลข3แล้ว เราต้องใช้ครีมบำรุงตัวอื่นๆร่วมด้วยนะคะเพื่อนๆ ยิ่งถ้าเพื่อนๆไปต่างประเทศตอนช่วงที่มีอากาศหนาว ไฮยาช่วยคงความชุ่มชื่นก็จริง แต่ใช้ไฮยาตัวเดียว เอาไม่อยู่นะคร้า >>> ใช้ไฮยาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่จะไม่ใช้เลยก็ไม่ได้ค่ะ  ใจมันชอบไปแล้ว 

ด้วยรัก และอยากให้ซื้อมาลองใช้ แล้วอย่าลืมมาแชร์ให้ฟังด้วยน้า 
คะแนนที่ให้ 9 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ 


ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://beautymde.blogspot.com นะจ๊ะ 

รับงานทำreportต่างๆ, วิเคราะห์ข้อมูลในexcel, นำข้อมูลดิบมาทำข้อมูลตามความต้องการและกราฟต่างๆ, 
คีย์ข้อมูล ฯลฯ
ราคาไม่แพง ติดต่อได้ที่ QR Code ด้านล่างนะจ๊ะ 



14/7/62

[รีวิว] แผ่นฟิล์มซับหน้ามัน Hakugen Sweat & Oil Clear Film

วันนี้ขอแวะเข้ามาแปปเดียวน้า จะเเว็บมาบอกว่า แผ่นฟิล์มซับมันของ ฮาคุเก็น เอสทีเอฟ เสว็ท แอนด์ ออยล์ เคลียร์ ฟิล์ม ใช้ดีนะเอย  เหมาะสำหรับสาวที่มีผิวมันมากๆแบบเราสุดๆ

เราชอบแผ่นซับมันยี่ห้อนี้ เพราะว่าดูดซับความมันได้ดีมาก และดูดซับเหงื่อได้ด้วย ใช้แผ่นเดียว ได้ประโยชน์สองอย่างเลย อย่างที่เราบอกไปว่า นอกจากซับน้ำมั แผ่นนี้ยังซับน้ำด้วย เพราะฉะนั้น ถ้ามือเปียก อย่าเพิ่งจับแผ่นฟิล์มนะคะเพื่อนๆ  เพราะแผ่นฟิล์มจะซับน้ำจนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้เราซับมันต่อเลย
นอกจากนี้คือ พอซับแล้ว แป้งติดแผ่นซับมันไม่เยอะเท่ายี่ห้ออื่นค่ะๆ เราเลยใช้ยี่ห้อนี้มาตลอดเลย ยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ ถือว่าเหมาะมากๆค่ะ  แว็บเข้ามาบอกแค่นี้แหละ ส่วนคุณสมบัติของแผ่นซับมันยี่ห้อนี้ มีดังนี้ค่ะ

เหงื่อและความมันส่วนเกิน เป็นสาเหตุทำให้เมคอัพลบเลือน แผ่นฟิล์มชนิดพิเศษนี้สามารถดูดซับได้ทั้งเหงื่อและความมัน รู้สึกสบายผิวทันทีหลังใช้ ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ดูดซับได้ดีกว่ากระดาษซับมันทั่วไป3เท่า ด้วยโครงสร้างแบบไม่โครสปันจ์
แผ่นฟิล์มอ่อนนุ่ม แนบสนิทกับผิวหน้า จึงซับมันได้ดี
สอยได้ที่ Boots หรือ Topsค่ะ
ฮาคุเก็น เอสทีเอฟ เสว็ท แอนด์ ออยล์ เคลียร์ ฟิล์ม

คะแนนที่ได้ 9.5 เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://beautymde.blogspot.com นะจ๊ะ 

27/4/62

[รีวิว] แผ่นฟิล์มซับความมันและคราบเหงื่อ HAKUGEN Sweat & Oil Clear Film

วันนี้ขอแวะเข้ามาแปปเดียวน้า จะเเว็บมาบอกว่า แผ่นฟิล์มซับมันของ ฮาคุเก็น เอสทีเอฟ เสว็ท แอนด์ ออยล์ เคลียร์ ฟิล์ม ใช้ดีนะเอย  เหมาะสำหรับสาวที่มีผิวมันมากๆแบบเราสุดๆ

เราชอบแผ่นซับมันยี่ห้อนี้ เพราะว่าดูดซับความมันได้ดีมาก และดูดซับเหงื่อได้ด้วย ใช้แผ่นเดียว ได้ประโยชน์สองอย่างเลย นอกจากนี้คือ พอซับแล้ว แป้งติดแผ่นซับมันไม่เยอะเท่ายี่ห้ออื่นค่ะๆ เราเลยใช้ยี่ห้อนี้มาตลอดเลย ยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ ถือว่าเหมาะมากๆค่ะ  แว็บเข้ามาบอกแค่นี้แหละ ส่วนคุณสมบัติของแผ่นซับมันยี่ห้อนี้ มีดังนี้ค่ะ

เหงื่อและความมันส่วนเกิน เป็นสาเหตุทำให้เมคอัพลบเลือน แผ่นฟิล์มชนิดพิเศษนี้สามารถดูดซับได้ทั้งเหงื่อและความมัน รู้สึกสบายผิวทันทีหลังใช้ ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ดูดซับได้ดีกว่ากระดาษซับมันทั่วไป3เท่า ด้วยโครงสร้างแบบไม่โครสปันจ์
แผ่นฟิล์มอ่อนนุ่ม แนบสนิทกับผิวหน้า จึงซับมันได้ดี
สอยได้ที่ Boots หรือ Topsค่ะ
ฮาคุเก็น เอสทีเอฟ เสว็ท แอนด์ ออยล์ เคลียร์ ฟิล์ม

คะแนนที่ได้ 9.5 เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://beautymde.blogspot.com นะจ๊ะ 

8/2/62

[รีวิว] แป้งผสมรองพื้น IN 2 IT UV Cover Perfect Two Way Foundation, SPF 50, PA+++

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่ห่างหายจากบล๊อกไปสักพักใหญ่ๆ วันนี้เรากลับมาแล้วนะคะ ระหว่างที่หายไป เรามีใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆหลายตัวเลยค่ะ แต่ยังไม่เจอที่เวิร์คซักเท่าไหร่ เลยไม่ได้เข้ามารีวิวค่ะ
คิดถึงกันบ้างมั้ยเอ่ย...

ส่วนวันนี้เราจะขอรีวิว แป้งผสมรองพื้น IN 2 IT UV Cover Perfect Two Way Foundation, SPF 50, PA+++   ในรีวิวก่อนๆ ถ้าเพื่อนๆเป็นแฟนคลับบล๊อกเรา จะจำได้ว่าเราเคยรีวิว แป้งทาหน้าผสมรองพื้นของ Kate Secret Skin Maker Zero Powder Foundation เอาไว้ค่ะ เราใช้แป้งเคทมาหลายสิบตลับ ใช้มานานมาก ตั้งแต่สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ   แต่เมื่อไม่นานมานี้  เราสังเกตว่า บางจุดของหน้าเราจะเป็นคราบค่ะ โดยเฉพาะตรงจมูก ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นที่แป้ง หรือเป็นเพราะหน้าที่มันมากของเรา  ตั้งแต่ใช้แป้งเคทมา หน้าเราไม่เคยเป็นคราบนะคะ แต่พักหลัง หน้าเป็นคราบทุกวันเลย

แป้งผสมรองพื้น IN 2 IT UV Cover Perfect Two Way Foundation


เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนแป้งค่ะ สมัยตอนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เราเคยใช้ แป้งผสมรองพื้น IN 2 IT UV Cover Perfect Two Way Foundation จำได้ว่าเป็นแป้งที่ใช้ดียี่ห้อนึงเลย ที่สำคัญคือราคาไม่แพง ราคาเหมาะกับนักศึกษาอย่างเราในตอนนั้น  เราเลยกลับมาใช้แป้ง IN 2 IT อีกครั้งค่ะ และค้นพบว่าหน้าไม่เป็นคราบ   แต่แป้งเคทก็ยังเป็นแป้งที่เราชอบอยู่นะคะ แต่ติดตรงที่พักหลังหน้าเป็นคราบ ฮืออ  ตอนนี้เลยขอเปลี่ยนมาใช้แป้ง IN 2 IT ก่อนละกันค่ะ  (เราใช้สี VPR03 harvest นะคะเพื่อนๆ)

สิ่งที่ทำให้ชอบแป้งผสมรองพื้น IN 2 IT UV Cover Perfect Two Way Foundation คือ

1. ราคาสบายกระเป๋า นอกจากนี้ยังมีแบบรีฟิวขาย ซึ่งทำให้เราจ่ายในราคาที่ประหยัดกว่าลงไปอีก
2. สามารถปกป้องผิวจากแสงแดด UVA/UVB ด้วยค่า SPF50 PA+++ 
เวลาใช้แล้วรู้สึกอุ่นใจ ห่ะๆ (แต่ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะคะเพื่อนๆ)
3. ปกปิดดี ติดทนนานจริงๆค่ะ  ถ้าใช้นิ้วลองสัมผัสเนื้อแป้ง จะรู้สึกได้เลยว่าเนื้อแป้งเนียนนุ่ม แต่เวลาลงแป้งที่หน้า จะรู้สึกหนึบๆนิดนึงค่ะ จะไม่ลื่นเหมือนลงแป้งเคท แต่โดยรวมติดทนดีจริงๆค่ะ
4. ทาแล้วหน้าผ่อง เนียน หน้าดูใสๆค่ะ
5. ทาแล้วผิวหน้าไม่ดูแห้งค่ะ แต่จะดูหน้าอิ่มๆแบบมีน้ำมีนวลค่่ะ อาจจะเป็นเพราะว่ามีส่วนผสมของVitamin E ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นค่ะ
6.ส่วนในเรื่องของการควบคุมความมัน ไม่เห็นผลสำหรับเราค่ะ เพราะเราเป็นคนหน้ามันมากอยู่แล้ว ใช้แป้งยี่ห้ออะไร หน้าก็มันเหมือนเดิมค่ะ เพราะฉะนั้นเราไม่คาดหวังในเรื่องของการคุมมันเลยค่ะ แฮ่

อยากให้ แป้งผสมรองพื้น IN 2 IT UV Cover Perfect Two Way Foundation เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ของเพื่อนๆค่ะ  ลองซื้อมาใช้กันดูนะคะ คุณภาพดี ราคาไม่แพงค่ะ... recommend!

คะแนนที่ได้ : 9 เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com

20/10/61

[รีวิว] แชมพูน้ำมันสกัดจากผิวมะกรูด FALLES HAIR REVIVING SHAMPOO ของ BSC

วันนี้ขอรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมกันบ้างนะคะ นั่นก็คือ FALLES HAIR REVIVING SHAMPOO แชมพูน้ำมันสกัดจากผิวมะกรูดสำหรับผมอ่อนแอขาดหลุดร่วงของ BSC นั่นเอง
สูตรที่เราใช้อยู่ เป็นสูตร Extra soft & Nourishment สูตรเพิ่มความนุ่มลื่นลื่นและบำรุงผมเป็นพิเศษ สำหรับผมแห้ง ขาดการบำรุงค่ะ

FALLES HAIR REVIVING SHAMPOO


สภาพผมของเราในตอนนี้คือ ไม่ได้ย้อมผม ยืดผม หรือดัดผม ผมเส้นเล็ก ผมแห้งนิดหน่อยและไม่ค่อยมีน้ำหนัก และหนังศรีษะมันง่ายค่ะ

เราเป็นคนที่ชอบใช้แชมพูที่มีส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคนที่มีหนังศรีษะมันมาก เจออะไรที่มีส่วนผสมมะกรูดก็จะลองซื้อมาใช้ดูเพื่อเฟ้นหาตัวที่เหมาะสมกับเราที่สุดค่ะ แชมพูหลายยี่ห้อที่มีส่วนผสมของมะกรูด ส่วนใหญ่ก็ใช้ดีนะคะ ใช้แล้วหนังศรีษะมีความมันน้อยลง แต่ปัญหาที่เราพบอยู่บ่อยๆคือ หลังจากสระผมเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้ครีมนวดต่อ ผมมักจะพันกัน พอเป่าผมเสร็จ ผมก็มักจะแห้ง ไม่มีน้ำหนัก  แชมพู  FALLES HAIR REVIVING สูตร Extra soft & Nourishment จึงตอบโจทย์เราค่ะ เป็นแชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และเป็นสูตรที่เพิ่มมอยเจอไรเซอร์ ทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้น และไม่พันกัน ใช้แล้วเลิฟๆเลย เหมาะกับคนขี้เกียจใช้ครีมนวดอย่างเรามากค่ะ

เนื้อแชมพู FALLES จะเป็นเนื้อครีมขาวข้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆของมะกรูด สำหรับเรา กลิ่นมะกรูดไม่แรงนะคะ หรือเราอาจจะเป็นคนที่ชอบกลิ่นมะกรูดอยู่แล้วด้วย เลยรู้สึกว่ากลิ่นไม่แรง ในขณะที่เรานวดแชมพูไปบนผม ผมก็ไม่ค่อยพันกันค่ะ หลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว ผมก็ไม่ค่อยพันกันเช่นกัน หลังจากที่เป่าผมแห้งแล้ว ผมก็นุ่มดี ถึงแม้จะไม่ถึงกับนุ่มมาก แต่เวิร์คกว่ายี่ห้ออื่นที่เราเคยใช้มาค่ะ ผมไม่แห้ง ผมมีน้ำหนักขึ้นมานิดหน่อยด้วย ส่วนเรื่องการลดปัญหาผมขาดหลุดร่วงนั้น เรายังไม่สามารถตอบได้แน่ชัดว่าแชมพูตัวนี้ป้องกันผมหลุดร่วงได้หรือเปล่า เพราะตอนนี้เรายังไม่มีปัญหาเรื่องผมร่วงค่ะ แฮ่

พอพูดถึงแชมพู เราก็มีเรื่องจะเล่าค่ะ ห่ะๆ  เราใช้แชมพูยี่ห้อนี้มา 2 ขวดใหญ่แล้ว ในระหว่างที่กำลังจะซื้อขวดที่ 3 มาใช้  เราเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังหยิบแชมพูมะกรูดอีกยี่ห้อนึงใส่ตะกร้าประมาณ 8 ขวดค่ะ เราเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆอยู่แล้ว เราคิดว่ามันต้องดีแน่ๆเลย ถึงซื้อหลายขวด เราเลยซื้อมาลองใช้บ้างค่ะ วันนั้นไม่ได้แชมพู FALLESกลับมา แต่ได้อีกยี่ห้อกลับมาแทนค่ะ สรุปคือใช้แล้วผมพันกัน หลังจากเป่าผมเสร็จ ผมแห้ง   ในที่สุดเราก็ต้องกลับมาใช้ FALLESเหมือนเดิมค่ะ

ถ้าเรามีโอกาสเจอแชมพูยี่ห้ออื่นๆที่ใช้แล้วดีเหมือนแชมพู FALLES  เราจะมารีวิวให้อ่านกันอีกนะคะเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ขอใช้ FALLES ไปเรื่อยๆก่อนค่ะ

หลังจากลองใช้แล้ว สามารถมาแชร์กันได้นะคะเพื่อนๆ

คะแนนที่ให้ : 9 จุ๊บ เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com
หากเพื่อนๆท่านใดสนใจซื้อผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน 
ส่งเมลมาขอรหัสส่วนลดที่เราได้เลยนะคร้า
email : be.blissful.999@gmail.com 
หลังจากนั้น เพื่อนๆสามารถนำรหัสไปใช้เป็นส่วนลด25% ในการซื้อสินค้าใช้ที่ร้านกิฟฟารีนสาขาใกล้บ้าน หรือทางเว็บออนไลน์ได้เลยนะคร้า :) 






2/9/61

[รีวิว] ลิปสติก Innisfree Real Fit Creamy Lipstick

วันนี้ขอรีวิว Innisfree Real Fit Creamy Lipstick สี No.5 นะคะ เรายืนเลือกอยู่นานเลยค่ะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกลิปแนว Creamy เพราะเราเป็นคนที่ปากแห้งตลอดเวลาค่ะ

ลิปสติกรุ่นนี้เนื้อครีมเนียน นุ่ม ทาแล้วปากเนียน นุ่ม ชุ่มชื้น ฉ่ำวาวดีค่ะ สามารถใช้แทนลิปมันได้เลยค่ะเพื่อนๆ

Innisfree real Fit Creamy Lipstick

ลิป Innisfree Real Fit Creamy Lipstick สี No.5  ที่เราซื้อมา ถ้าดูจากหลอดจะเห็นเป็นสีชมพูแดงๆ พอทาออกมาแล้วจะได้สีแดงวาวๆใสๆ (สีในภาพอาจไม่ค่อยชัดเจนนะคะ สีจริงจะออกไปทางสีแดง และสีสวยกว่าในภาพค่ะ)  สีนี้ทาแล้วขับผิวดีค่ะ ทาแล้วให้ลุคน่ารักแบบไม่ฉูดฉาด ดูสุขภาพดี ใสๆ สไตล์เกาหลี  วันไหนเราต้องการทาให้ได้ลุคแบบธรรมชาติ ดูใสๆเด็กๆ เราก็จะแค่แตะลิปลงไปบนริมฝีปากเบาๆ ไม่ลงน้ำหนักเยอะ แค่นี้ก็ได้ลุคใสๆ ดูน่ารักแล้วค่ะ

ส่วนในเรื่องของความติดทนนั้น อาจจะติดไม่ค่อยทนค่ะ เนื่องจากเนื้อลิปมีความมันวาว ทำให้สีเลือนค่อนข้างง่าย แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราเลยค่ะ หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เราก็จะเติมปากเพิ่มไปอีกครั้งนึงค่ะ

เพื่อนๆคนไหนที่อยากแต่งหน้าลุคใสๆ แบบเผยริมฝีปากอวบอิ่ม ฉ่ำๆ สุขภาพดี ทาแล้วสดใส เราแนะนำให้ลองซื้อรุ่นนี้มาใช้ดูค่ะ เลือกสีที่เหมาะกับตัวเอง แค่นี้ก็ไปเรียน ไปทำงานแบบใสๆ มั่นใจสุดๆแล้วค่ะ ^^

คะแนนที่ได้ : 8.5 เต็ม 10 จุ๊บ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com
หากเพื่อนๆท่านใดสนใจซื้อผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน 
ส่งเมลมาขอรหัสส่วนลดที่เราได้เลยนะคร้า
email : be.blissful.999@gmail.com 
หลังจากนั้น เพื่อนๆสามารถนำรหัสไปใช้เป็นส่วนลด25% ในการซื้อสินค้าใช้ที่ร้านกิฟฟารีนสาขาใกล้บ้าน หรือทางเว็บออนไลน์ได้เลยนะคร้า :) 





1/9/61

[รีวิว] คลีนเซอร์ Philosophy Purity 3-in-1 Cleanser for Face and Eyes

ครั้งนี้ ขอรีวิว คลีนเซอร์ Purity 3-in-1 Cleanser for Face and Eyes ของ Philosophy นะคะ คลีนเซอร์ตัวนี้ใช้ดีมากค่ะ เป็นได้ทั้งครีมเช็ดเครื่องสำอาง ครีมล้างหน้า และโทนเนอร์ แต่เราชอบใช้คลีนเซอร์ตัวนี้เป็นตัวเช็ดเครื่องสำอางก่อนที่จะล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าอีกตัวนึงค่ะ
คลีนเซอร์ Philosophy Purity 3-in-1 Cleanser for Face and Eyes


พื้นฐานผิวหน้าเรา : หน้ามันมาก มีสิวอุดตันประปราย

เนื้อของคลีนเซอร์ตัวนี้จะเป็นเนื้อครีมสีเหลืองอ่อน กลิ่นไม่หอมสักเท่าไร แต่โดยรวมแล้วโอเคสำหรับเราค่ะ

เราชอบคลีนเซอร์ตัวนี้ของ Philosophy เพราะสามารถล้างเครื่องสำอางค์ได้อย่างหมดจด หลังจากใช้แล้ว หน้าเนียนนุ่ม รู้สึกสบายผิวหน้า สัมผัสได้ว่าหน้าสะอาดจริงๆค่ะ รู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้นด้วย  เราสามารถใช้คลีนเซอร์ตัวนี้ทำความสะอาดรอบดวงตาได้ด้วยนะคะ แต่เราชอบใช้กับผิวหน้ามากกว่าค่ะ ส่วนรอบดวงตา เราจะใช้ Eye Remover สำหรับดวงตาโดยเฉพาะค่ะ

นอกจากนี้ เราสังเกตว่าหลังจากใช้คลีนเซอร์ตัวนี้เช็ดเครื่องสำอางออกแล้ว ผิวหน้าเราผลิตน้ำมันช้าลงด้วยค่ะ อันที่จริงแล้ว หลังจากเช็ดเครื่องสำอางออกจากใบหน้า และล้างหน้าเสร็จแล้ว เราควรรีบทาครีมบำรุง เพื่อไม่ให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื่น แต่เรามักจะมีนิสัยเสียอย่างนึงคือ หลังจากเช็ดเครื่องสำอางออกหมด เรามักจะยังไม่ล้างหน้า และไปนั่งทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อ หลังจากนั้นสักพักใหญ่ๆ เราถึงจะไปล้างหน้าและอาบน้ำ การที่เราเช็ดเครื่องสำอางออกหมด แล้วปล่อยผิวหน้าทิ้งไว้แบบนั้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ทำให้เราสังเกตได้ว่า ผิวหน้าผลิตความมันช้าลง เมื่อเปรียบเทียบการกับการใช้คลีนเซอร์ยี่ห้ออื่นๆ เพราะฉะนั้นคลีนเซอร์ตัวนี้ เหมาะกับคนที่มีผิวมันมากๆเช่นกันค่ะ เพื่อนๆที่ผิวมันไม่ต้องกลัวเลยว่าใช้แล้วจะเหนอะหนะค่ะ

ส่วนวิธีการใช้นั้น เราทราบมาว่า ให้วนครีมตัวนี้ลงบนผิวหน้าที่แห้ง วนจนเครื่องสำอางละลาย แล้วค่อยใช้สำลีชุบน้ำเช็ดออก หรือใช้น้ำล้างออกได้เลย แต่เราไม่ถนัดวิธีนี้เลยค่ะ เพราะระหว่างที่วนครีมบนผิวหน้าที่แห้ง มันจะมีความฝืดมาก  เพราะฉะนั้น เราเลยทำตามวิธีที่เราถนัดและรู้สึกดี คือ พรมน้ำให้ทั่วใบหน้าในปริมาณเล็กน้อย หลังจากนั้น ก็ค่อยๆวนคลีนเซอร์ตัวนี้ให้ทั่วใบหน้า และใช้สำลีเช็ดออก เราเช็ดประมาณ2รอบ ผิวหน้าก็สะอาดหมดจดแล้วค่ะ สิวที่กรามก็ขึ้นน้อยลงด้วย เราคิดว่าน่าจะมาจากคลีนเซอร์ตัวนี้ที่ทำให้ผิวหน้าเราสะอาดขึ้น

แนะนำเลยค่ะเพื่อนๆสำหรับคลีนเซอร์ของ Philosophy ตัวนี้ เพื่อนๆลองซื้อไซส์เล็กมาลองใช้ก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าชอบค่อยไปซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ค่ะ

คะแนนที่ให้ : 9.5 เต็ม 10 คะแนน
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://beautymde.blogspot.com

ขายแผ่นมาร์กรอบดวงตา Dr.Morita
แบรนด์ดังจากไต้หวัน ใครไปไต้หวัน ต้องซื้อกลับมา!
เราหิ้วมาจากไต้หวันเลยค่ะ แผ่นมาร์กนี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวรอบดวงตากระชับขึ้น ลดรอยหมองคล้ำใต้ตา มาร์กแล้วเฟรชสุดๆ
 ถ้าเพื่อนๆสนใจ ทักไลน์มาสอบถามได้เลยค่ะ